แต่ ครั้งแรกกับกลางอากาศ ของผมไม่ใช่เครื่องบินครับ แต่คือ บอลลูนอากาศร้อน
บอลลูนอากาศร้อนก็คือ บอลลูนที่บรรจุอากาศร้อนๆจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลงเข้าไป
ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์คือ อากาศร้อนจะลอยขึ้นบน และเมื่อบอลลูนบรรจุอากาศร้อนมากๆ
ก็จะพาเราลอยละลิ่วขึ้นไปได้ แล้วยังไงนะหรอ ที่อยู่ดีดีไปมีประสบการณ์แบบนี้ได้อย่างไร มาชมกัน
บอลลูนอากาศร้อน |
มุมย้อนแสง |
ลอบละลิ่วววว |
เตรียมลอยยยย!!! |
เท่าที่ดูการควบคุมนั้นไม่อยาก ถ้าอยากลอยสูงๆ เราก็ปรับไฟแรงๆ ถ้าอยากลงต่ำ ก็ปล่อยอากาศออกด้านบน เท่าที่ผมดูก็ง่ายนะครับ บอลลูนที่ผมกับพี่เก๋ขึ้นไปนั้น มีนักบิน 2 ท่าน ท่านแรกเป็นอาจารย์สอนการขับบอลลูน ท่านที่สองเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ซึ่งเป็นชาวชาติไหนก็จำไม่ได้ แต่รุ้ว่าเป็นทางโซนยุโรป
สถานที่จัดงาน มุมสูง |
ถนนมิตรภาพ มุมสูง |
ในระหว่างทาง เราได้เข้าใจคำว่า "มุมมองนก" ได้ชัดเจนขึ้น เราได้มุมมองใกม่ที่ไม่เคยสัมผัส ได้เห็นถนนเล็กๆ เห็นทุ่งนา เห็นน้ำในเขื่อนลำตะคลอง เห็นผู้คน ชาวบ้าน เด็กๆที่บอลลูนบินผ่านแล้วออกมาโห่ร้องต้อนรับ เป้นภาพที่ประทับใจ ไม่มีวันลืมสำหรับผมเลย
เสียงชัตเตอร์ของกล้อง 2 ตัว รัวแข่งกับ เสียงลม และคำสอนของอาจารย์ที่สอนลูกศิษย์บิน ลอยมาเป็นระยะๆ ในบอลลูนก็จะมี ถังเชื้อเพลง GPS และ เครื่องบอกระดับความสูง ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจอะไรนัก ระยะทางที่พาเราไป ไกลพอสมควร เราลอยตามกระแสลมไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข อีกอย่างบอลลูนที่ขึ้น เป็นบอลลูนที่ออกตัวหลังๆ ทำให้เราเก็บภาพมุมย้อนแสงของบอลลูนลำหน้าได้เลย
ผมลืมบอกทุกท่านไปว่า บอลลูน ไม่มีหางเสือ แต่สามารถบังคับให้เฉียงซ้ายขวาได้ ดังนั้น ถ้าอยู่ดีดี ลมไม่พัด!!! บอลลูนก็จะอยู่กับที่ หรือ ถ้าลมแรงเกินไป ก็ไม่ดี บังคับยาก ทำให้เกิดอันตรายได้
งานบอลลูนมีอยู่ 5 วันซึ่งผมไป 4 วัน ด้วยระยะทางไปกลับมากกว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งไม่รักการถ่ายภาพจริงไ คงไม่มีใครทำ และซึ่งเป็นความโชคดีที่ว่า วันอื่นๆ บอลลูนไม่สามารถลอยขึ้นได้เลย เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ลมพัดกระโชค ถ้าจำไม่ผิด ในวันที่ 3 หรือ 4 นี่ละ บอลลูนกระชากรถคำ่ทั้งคัน ออกข่าวด้วยนะ แถมอยู่ในเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา คือ ถ้าไม่ลอย เค้าจะโชว์โดยการ ปล่อยลมร้อนเข้าไปพอให้บอลลูนตั้งได้แล้วผูกกับถ้าบรถ ส่วนมากก็เป็นรคปิคอัพ
เมื่อถึงเป้าหมายที่จะร่อนจอด ทางผุ้ขับก็จะบอกเราให้เตรียมเซฟตี้อุปกรณ์ไว้ ซึ่งเราก็ทำแบบ งงๆ ทำไมต้องเซฟตี้ ซึ่งเมื่อถึงพื้นเราก็ได้รู้คำตอบ ในการร่อนลงนั้น ทางผู้ขับจะบังคับให้ร่อนไปในจุดเป้าหมาย และทำการปล่อยลมออกด้านบน เพื่อให้บอลลูนลดเพดาลงต่ำมาเรื่อยๆ โดยไม่กระชากค่อยๆปล่อย ก็รู้สึก ไม่น่าจะห่วงอะไร แต่ก็จะหยุดให้บอลลูนลอยอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 4-5 เมตร ดับไฟแล้วก็เริ่มนับถอยหลัง ทรี ทู วัน โก นักบินปล่อยให้ลมร้อนออกจากบอลลูน ซึ่งนี่ละเหตุผลที่ทำไมต้องทำการเซฟตี้ตัวเองและอุปกรณ์ ลองคิดสภาพครับ วัตถุชิ้นหนึ่ง มวลเยอะพอควน ตกลงมาในแนวดิ่งตามแรงโน้มถ่วงของโลก ประมาณ 4-5 เมตร เมื่อกระเช้าสัมผัสพื้น สะเทือนไปถึงขนตาเลยครับ
เมื่อบอลลูนลงสู่พื้น สิ่งที่ทำคือ ต้องรีบออกจากกระเช้า นักบินจะตะแคงกระเช้าและเริ่มไล่สายเก็บตัวบอลลูนต่อไป ซึ่งได้ช่วยเก็บอยู่ ในส่วนนี้ต้องคอยระวังไม่ให้เกี่ยวกับกิ่งไม้ หรือสิ่งมีคมไดไดทั้งสิ้น เนื่องจากถ้าบอลลูนมีรูหรือขาดจะทำให้ลมร้อนรั่วได้ ซ่อมกันบานแน่ครับ
หลังจากช่วยกันเก็บ เราก็ยกกระเช้าขึ้นรถปิคอัพที่มารอรับและโดยสารกลับไปที่สถานที่จัดงานพร้อมๆกัน ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆเห็นจะได้ นี่ละครับ ประสบการณ์ชีวิตจากกลางอากาศที่ผมได้รับ มันน่าสนุก น่ากลัว น่าตื่นเต้น หน้าหวาดเสียว เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่าในหนึ่งชีวิต จะได้มีโอกาสอีกหรือไม่
ที่เขียนมาตรงนี้ก็เพราะอยากจะแชร์ประสบการณ์และภาพให้กับคนที่ไม่มีโอกาสได้ทำได้สัมผัสแบบผม เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนกระตุ้นต่อมอยากเที่ยว ผมจำไม่ได้ว่า งานบอลลูน 2556 ที่จะจัดที่เชียงใหม่ จะจัดวันไหน แต่เท่าที่ทราบคือ หลังๆจะไม่มีการปล่อบบอลลูน จะมีแค่โชว์ให้บอลลูนพองเฉยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก เพราะ ประสบการณ์แบบนี้ หาไม่ได้ที่ไหนในประเทศไทยอีกแล้ว
iPhotoindy
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น