10 ธันวาคม 2556

นอกแผ่นดินใหญ่


เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จำความได้ในการออกนอกแผ่นดินใหญ่ หนังจากไปทำงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พอได้มีเวลาว่างเล็กน้อย เลยเดินทางไปเกาะสมุย เป็ฯครั้งแรกที่ได้ออกไปผจญภัย เนื่องจากไม่เคยอะไรพวกนี้ ตอนอยู่บนเรือกก็วิ๊ดวิ้วๆ ไปเรื่อยตามประสาพวกไม่เคยลงเรือใหญ่ๆ


เมื่อไปถึงเกาะสมุยตามที่ตั้งใจไว้เรียบร้อยแล้วนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ การหาอะไรทาน ซึ่งคงไม่พ้นอะไรง่ายๆ หลังจากทานอะไรเสร็จสิ่งที่ไปดูคือหินตาหินยาย ซึ่งก็เป็นแท่งหิน และซอกหินที่มีรูปร่างละม้ายคล้ายอวัยวะชนิดหนึ่งบนร่างกายเรา ไปจินตนาการต่อกันเองนะครับ


หลังจากเสพอวัยวะเรียบร้อยแล้วนั้น ไม่มีที่ไปแล้วครับ ก็ขับรถวัวนๆๆๆ ไปเรื่อย ก็สนุกดี ได้ไปดูในสิ่งที่ไม่เคยไป วู้ๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ต้องขอขอบคุณงานที่ทำให้ไปเจออะไรที่ไม่เคยเจอ




ฤกษ์งามยามเย็ฯ ได้เวลากลับ ไม่ค่อยอยากจะกลับซะเท่าไร แต่ในเมื่อมีภารกิจที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น บล็อกนี้คงไม่ได้มีเทคนิคอะไรมากมาย แต่คงทำให้ผู้ชมอยากออกไปนอกแผ่นดินใหญ่ ไปหาเสพ ท้องฟ้า ทะเล สายลม แสงแดด 




iPhotoIndy

2 ธันวาคม 2556

ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ


"ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำฝักบัว เอาสบู่ถูตัว อาบน้ำฝักบัว ก๊าบ ก๊าบ" เพลงยอดฮิตไม่ว่าจะยุคสมัยไหนมาก็แล้วแต่ บางบ้านก็อาบน้ำในคลอง บ้างบ้านจะอาบไหนก็ช่าง แต่ในนั้นอย่างน้อย เป็ดสีเหลืองที่บีบแล้วมีเสียงนี่ละ ดึงดูดใจเด็กๆนักหนา พอครั้นโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราก็อาจจะลืมเลือนเรื่องนี้ไป แต่ศิลปินชาวดัทช์ ชื่อ ฟลอเรนติจน์ ฮอฟมาน ได้สร้างสรรค์เนรมิต ความสุขวัยเด็กอีกครั้ง โดยการสร้างเป็ดเหลืองเป่าลมตัวยักษ์ขึ้นมา และนำไปโชว์ตามอ่าวทั่วโลก ตามที่หลายท่านได้เห็น คราวนี้ถึงตาประเทศไทยเราบ้าง เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเป็ดตัวเดียวกันไหม แต่ก็ได้สร้างความฮือฮาอย่างแน่นอน เป็ดเหลืองตัวนี้ ตั้งอยู่ที่ หนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานี พอดีได้มีโอกาสเดินทางผ่าน เลยขอแวะเก็บภาพเป็ดซะหน่อย ก่อนที่จะอำลาไป เห็นได้ข่าวว่า ทางนายก อบจ. หรืออะไรนี่ละ จัดแคมเญประกวดภาพสุมมันส์กับเป็ดเหลืองตัวนี้ ชิงรางวัลมากมาย แต่รายละเอียด ไปตามหาเอาหน้าเป็ดเองนะครับ วันนี้ก็ขอแค่นี้ก่อน เชิญชมเป็ดเหลืองกันได้เลยครับ ก๊าบๆ





หลังจากชมเป็ดปกติแล้ว ต่อไปเป้นภาพนาย iPhotoIndy กับเป็ดเหลือง และขอลากันตรงนี้ครับ ก๊าบๆ






30 พฤศจิกายน 2556

ท้าตะวัน

มุมย้อนแสง
คงได้ยินข่าวเกี่ยวกับดาวหางมาบ้าง ว่า ดาวหาง ison รอดจากดวงอาทิตย์ แต่ เท่าที่ตามดู เหมือนไม่รอด ก็รอชมต่อไป ท้าตะวัน เชื่อว่าหลายนเคยถ่ายดวงอาทิตย์เล่น ถึงแม้จะห้ามไม่ฟังก็ตาม เพราะ กล้องถ่ายรูปที่เราใช้ๆกันนั้น เลนส์ด้านหน้าเป็นเลนส์รวมแสง ขึนไปส่องนานๆ อาจจะทำลายดวงตาอันบอบบางได้ แต่ก็ยังมีพวกที่บ้า และลองเล่นดู อย่าผม ผมถ่ายภาพย้อนแสง มาเยอะ แต่ที่สุดแล้วที่เคยถ่ายมา ชอบอยู่ภาพเดียวละ ไม่รู้เพราะอะไร ไม่ว่าจะองค์ประกอบ ทิศทางแสง หรือแฟร์ที่ได้มา อันนี้ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมชอบ ใครจะชอบบ้าง แต่สำหรับผู้ที่อยากลอง ก็ขอให้ระวังเรื่องสุขภาพตากันด้วยนะครับ


iPhotoIndy

22 พฤศจิกายน 2556

ประสบการณ์กลางอากาศ

หัวข้อฟังดูแปลกๆ แต่สำหรับผู้ที่นั่งเครื่องบินบ่อยๆ กลางอากาศจะมีอะไร สบายๆ
แต่ ครั้งแรกกับกลางอากาศ ของผมไม่ใช่เครื่องบินครับ แต่คือ บอลลูนอากาศร้อน
บอลลูนอากาศร้อนก็คือ บอลลูนที่บรรจุอากาศร้อนๆจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลงเข้าไป
ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์คือ อากาศร้อนจะลอยขึ้นบน และเมื่อบอลลูนบรรจุอากาศร้อนมากๆ
ก็จะพาเราลอยละลิ่วขึ้นไปได้ แล้วยังไงนะหรอ ที่อยู่ดีดีไปมีประสบการณ์แบบนี้ได้อย่างไร มาชมกัน
บอลลูนอากาศร้อน
นับถอยหลังไปเมื่อ 2 ธันวาคม 2551 หรือเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้วนั้น ผมได้มีโอกาสไปถ่ายรูป งาน Thailand International Bollon Festival ครั้งที่ 2 โดยได้เดินทางไปกับพี่เก๋ gzz และ พี่โอ๊ต fatboy โดยงานได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง สถานที่ที่จัดก็คือ ศูนย์ฝึกสุนัขทหารปากช่อง หลังจากที่ไปถึง เราต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเก็บภาพมุมต่างๆ ในแนวของตัวเอง ส่วนมากการถ่ายบอลลูนก็เล่นกับแสงดวงอาทิตย์นั่นละ ง่ายสุดละ เพราะตัวบอลลูนเองจะมีสีที่สวยงามอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถถ่ายได้อย่างสบายๆ แถมแสงดีแบบนี้ สุดยอดเลยละครับ
มุมย้อนแสง
ลอบละลิ่วววว
และเนื่องจากเค้าให้คนขึ้นบอลลูนไปด้วย โดยผู้ที่ขึ้นบอลลูนส่วนมากก็จะมีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ นายทหาร คณะทั้งหลายแหล่ แต่!!! มีบอลลูน 1 ลูก ที่เรียกคนแล้ว แต่ไม่มีใครมา พี่เก๋ก็เลยไปสนทนาภาษาอังกฤษ  กับผู้คุมบอลลูนนั้น ซึ่งตอนนี้ บอลลูนก็พร้อที่จะขึ้นแล้ว ดังนั้นทางผู้คุมบอลลูนเลย โอเค มาเลย 2 คน หลังจากนั้น บอลลูนก็ลอยยยยยย
เตรียมลอยยยย!!!
ระหว่างลอยขึ้น โทรหาพี่โอ๊ต fatboy บอกว่า พี่ ผมอยู่ที่แชล็ค ซึ่งลอยไปแล้ว เลยเกิดอาการงอนกันนิดหน่อย ก็แน่ละ จะมาแค่ถ่ายภาคพื้น แต่อยู่ดีดี ก็ได้ลอยฟ้าซะอย่างนั้น เป็นใครใครก็อิจฉาใช่มะละครับ
กำลังลอยขึ้น
เท่าที่ดูการควบคุมนั้นไม่อยาก ถ้าอยากลอยสูงๆ เราก็ปรับไฟแรงๆ ถ้าอยากลงต่ำ ก็ปล่อยอากาศออกด้านบน เท่าที่ผมดูก็ง่ายนะครับ บอลลูนที่ผมกับพี่เก๋ขึ้นไปนั้น มีนักบิน 2 ท่าน ท่านแรกเป็นอาจารย์สอนการขับบอลลูน ท่านที่สองเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ ซึ่งเป็นชาวชาติไหนก็จำไม่ได้ แต่รุ้ว่าเป็นทางโซนยุโรป
สถานที่จัดงาน มุมสูง
ถนนมิตรภาพ มุมสูง
ในระหว่างอยู่กลางอากาศนั้นอาจารย์ก็สอนลูกศิษย์ในการบังคับไฟไปเรื่อย โดยไม่สนใจสองคนที่เป็นผู้โดยสารซะเท่าไร เนื่องจากผู้โดยสาร ก็ไม่ได้สนใจคนขับ มัวแต่สนใจกับการมีประสบการณ์ในการขึ้นบอลลูน สำหรับผม นั่นคือครั้งแรกที่ได้ลอยในอากาศ ไม่นับรวมการโดดหอนะครับ อันนั้นยังมีเซฟตี้ แต่อันนี้ แค่กระเช้า ส่วนพี่เก๋นั้น อาจจะขึ้นเครื่องบินบ่อย แต่สำหรับบอลลูน ก็ไม่ทราบเหมือนกัน
การควบคุมบอลลูน

ในระหว่างทาง เราได้เข้าใจคำว่า "มุมมองนก" ได้ชัดเจนขึ้น เราได้มุมมองใกม่ที่ไม่เคยสัมผัส ได้เห็นถนนเล็กๆ เห็นทุ่งนา เห็นน้ำในเขื่อนลำตะคลอง เห็นผู้คน ชาวบ้าน เด็กๆที่บอลลูนบินผ่านแล้วออกมาโห่ร้องต้อนรับ เป้นภาพที่ประทับใจ ไม่มีวันลืมสำหรับผมเลย
เด็กและชาวบ้านที่กำลังดูบอลลูน
ทุ่งนามุมสูง
เสียงชัตเตอร์ของกล้อง 2 ตัว รัวแข่งกับ เสียงลม และคำสอนของอาจารย์ที่สอนลูกศิษย์บิน ลอยมาเป็นระยะๆ ในบอลลูนก็จะมี ถังเชื้อเพลง GPS และ เครื่องบอกระดับความสูง ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจอะไรนัก ระยะทางที่พาเราไป ไกลพอสมควร เราลอยตามกระแสลมไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข อีกอย่างบอลลูนที่ขึ้น เป็นบอลลูนที่ออกตัวหลังๆ ทำให้เราเก็บภาพมุมย้อนแสงของบอลลูนลำหน้าได้เลย
ลอยกันเป็นแถวๆ
บอลลูนทางขวามือ เป็นบอลลูนไม่มีกระเช้า
ผมลืมบอกทุกท่านไปว่า บอลลูน ไม่มีหางเสือ แต่สามารถบังคับให้เฉียงซ้ายขวาได้ ดังนั้น ถ้าอยู่ดีดี ลมไม่พัด!!! บอลลูนก็จะอยู่กับที่ หรือ ถ้าลมแรงเกินไป ก็ไม่ดี บังคับยาก ทำให้เกิดอันตรายได้
งานบอลลูนมีอยู่ 5 วันซึ่งผมไป 4 วัน ด้วยระยะทางไปกลับมากกว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งไม่รักการถ่ายภาพจริงไ คงไม่มีใครทำ และซึ่งเป็นความโชคดีที่ว่า วันอื่นๆ บอลลูนไม่สามารถลอยขึ้นได้เลย เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ลมพัดกระโชค ถ้าจำไม่ผิด ในวันที่ 3 หรือ 4 นี่ละ บอลลูนกระชากรถคำ่ทั้งคัน ออกข่าวด้วยนะ แถมอยู่ในเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา คือ ถ้าไม่ลอย เค้าจะโชว์โดยการ ปล่อยลมร้อนเข้าไปพอให้บอลลูนตั้งได้แล้วผูกกับถ้าบรถ ส่วนมากก็เป็นรคปิคอัพ
ใกล้ถึงจุดลงจอด
ถึงจดจอดแล้ว
เมื่อถึงเป้าหมายที่จะร่อนจอด ทางผุ้ขับก็จะบอกเราให้เตรียมเซฟตี้อุปกรณ์ไว้ ซึ่งเราก็ทำแบบ งงๆ ทำไมต้องเซฟตี้ ซึ่งเมื่อถึงพื้นเราก็ได้รู้คำตอบ ในการร่อนลงนั้น ทางผู้ขับจะบังคับให้ร่อนไปในจุดเป้าหมาย และทำการปล่อยลมออกด้านบน เพื่อให้บอลลูนลดเพดาลงต่ำมาเรื่อยๆ โดยไม่กระชากค่อยๆปล่อย ก็รู้สึก ไม่น่าจะห่วงอะไร แต่ก็จะหยุดให้บอลลูนลอยอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 4-5 เมตร ดับไฟแล้วก็เริ่มนับถอยหลัง ทรี ทู วัน โก นักบินปล่อยให้ลมร้อนออกจากบอลลูน ซึ่งนี่ละเหตุผลที่ทำไมต้องทำการเซฟตี้ตัวเองและอุปกรณ์ ลองคิดสภาพครับ วัตถุชิ้นหนึ่ง มวลเยอะพอควน ตกลงมาในแนวดิ่งตามแรงโน้มถ่วงของโลก ประมาณ 4-5 เมตร เมื่อกระเช้าสัมผัสพื้น สะเทือนไปถึงขนตาเลยครับ 
ขอซักหน่อย
เมื่อบอลลูนลงสู่พื้น สิ่งที่ทำคือ ต้องรีบออกจากกระเช้า นักบินจะตะแคงกระเช้าและเริ่มไล่สายเก็บตัวบอลลูนต่อไป ซึ่งได้ช่วยเก็บอยู่ ในส่วนนี้ต้องคอยระวังไม่ให้เกี่ยวกับกิ่งไม้ หรือสิ่งมีคมไดไดทั้งสิ้น เนื่องจากถ้าบอลลูนมีรูหรือขาดจะทำให้ลมร้อนรั่วได้ ซ่อมกันบานแน่ครับ


หลังจากช่วยกันเก็บ เราก็ยกกระเช้าขึ้นรถปิคอัพที่มารอรับและโดยสารกลับไปที่สถานที่จัดงานพร้อมๆกัน ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆเห็นจะได้ นี่ละครับ ประสบการณ์ชีวิตจากกลางอากาศที่ผมได้รับ มันน่าสนุก น่ากลัว น่าตื่นเต้น หน้าหวาดเสียว เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่าในหนึ่งชีวิต จะได้มีโอกาสอีกหรือไม่ 

ผู้ขับและผู้ฝึกสอนบอลลูน
ที่เขียนมาตรงนี้ก็เพราะอยากจะแชร์ประสบการณ์และภาพให้กับคนที่ไม่มีโอกาสได้ทำได้สัมผัสแบบผม เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนกระตุ้นต่อมอยากเที่ยว ผมจำไม่ได้ว่า งานบอลลูน 2556 ที่จะจัดที่เชียงใหม่ จะจัดวันไหน แต่เท่าที่ทราบคือ หลังๆจะไม่มีการปล่อบบอลลูน จะมีแค่โชว์ให้บอลลูนพองเฉยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก เพราะ ประสบการณ์แบบนี้ หาไม่ได้ที่ไหนในประเทศไทยอีกแล้ว


iPhotoindy

11 พฤศจิกายน 2556

นวลนาง ณ บางปู

เข้าสู่ฤดูหนาว หลายทีมถ่ายภาพเริ่มที่จะไปที่นี่ สถาที่ที่อยู่ใก้กรุงเทพแค่ไม่กี่กิโล
เดินทางสะดวก ถึงแม้จะไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคลก็ตาม สถานที่นั้นคือ "สถานตากอากาศ บางปู"
ภาพจากกล้องโลโม่ TLR
บางปูมีอะไร บางปูในฤดูหนาว จะมีนกนางนวล อพยพหนีหนาว มาจากทางเหนือ ซึ่งตรงกับช่วงนี้พอดี จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นหลายท่านออกไปล่าถ่ายนก เก็บช๊อตสุดมัน และให้อาหารนกด้วยวิธีที่สนุกสนาน
คนเยอะมาก
หลักการถ่ายรูกนกนั้น ไม่ได้มีอะไรยาก speed shutter เป็นสิ่งที่สำคัญ ISOจึงเป็นสิ่งสำคัญบางครั้งเราต้องยอมให้เกิด noise เพื่อที่จะหยุดนกที่บินด้วยความเร็วได้
noise ที่เกิดจากการเร่ง iso
แต่ถ้าเราไปในเวลาที่เร็วกว่านั้น เราจะได้ภาพที่ ฟ้าเป็นสีฟ้า และไม่ต้องเร่ง ISO ด้วย
มุมเงย

โฉบรับอาหาร
สำหรับการเดินทางไป สถานตากอากาศบางปู
  1. สำหรับผู้มีรถยนต์ เดินทางมาจากกรุงเทพ หรือทางภาคตะวันออก จากสี่แยกบางนา มุ่งหน้าถนนสุขุมวิท ผ่านแบริ่ง ปากน้ำ ขับตามถนนมาเรื่อยๆ จะผ่านเมืองโบราณ นิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปู ให้ชิดขวา กลับรถ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย
  2. สำหรับผู้ที่โดยสารกับขนส่งสาธารณะ จากสี่แยกบางนา ให้นั่งรถเมล์ จากฝั่งไบเทค ถนนสุขุมวิท (BTS บางนา) มาลงที่ ปากน้ำ และต่อรถสาย 36 สีเขียว (นิคมอุตสาหกรรมบางปู) หรือ สีขาว (โลตัสบางปู) ให้ลงที่หน้าปากทางเข้านิค แล้วข้ามถนน ก็จะเจอทางเข้าเช่นกัน


จากการเดินทางแล้ว ไม่ยากเลยสำหรับผู้ที่วนใจ และชื่นชอบ หวังว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวไปกันเยอะๆนะครับ


ปล. ยุงเยอะมาก ดุมาก เจาะกางเกงยีนส์เข้า กรุณาเตรียมอุปกรณืกันยุงไปด้วย

ภาพสวยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดี
iPhotoIndy

29 ตุลาคม 2556

เตรียมตัวถ่ายพลุกัน

ภาพจาก internet 
นานๆ จะเขียนอะไรที่มีประโยชน์กะเค้าบ้าง 
จะถึงเทศกาล ลอยกระทง วันพ่อ ปีใหม่
เทศกาลที่ผมพูดผ่านไปนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือพลุ
มือใหม่หลายๆคน รวมถึงตัวผมในอดีตที่เคยผิดพลาดมา

พลุ นี่จะต้องถ่ายกลางคืนใช่ใหม่ครับ ผมถ่ายพลุครั้งแรก กับกล้องฟีลม์ ซึ่งไม่รู้หรอกว่าภาพออกมาเป็นอย่างไรหลังจากต้องล้างออกมาเพื่อจะเห็น ในความคิดที่ใสซื่อครับ ตามหลักการทื่อๆที่ไม่มีผู้สอน กลางคืน f (รูรับแสง) ต้องกว้างเข้าไว้ แล้วโฟกัสอะไรที่ไหน ถ่ายตอนไหน เดาล้วนๆ สรุป เละ 555 นั่นละคือประสบการณ์ชั้นดีของผมเลยก็ว่าได้

หลังจากเข้าสู่ยุคดิจิตอล ตอนนั้น มีงานย่าโม แล้วชวนไปถ่ายพลุกัน ก็ติดสอยให้ตามไปด้วย กล้องดิจิตอลก็ยังไม่มีกับเค้า ยืมกล้อง DSLR-Like ของพี่ที่รู้จักกันไป ขาตั้งก็ไม่มี ก็ไปหายืมเอาข้างหน้า คือ ใจอยากถ่าย แต่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยในตอนนั้น แล้วผลก็ออกมา




















คือ ในตอนนั้น photoshop ก็ใช้ไม่เป็น (จริงๆ ถึงตอนนี้ก็ใช้ไม่เป็น) กล้องที่ผมนำไปด้วยนั้น ไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ ไม่มีโหมดชัตเตอร์ B ดังนั้น เทคนิคบ้านๆ คือ ใช้ผ้าปิดหน้ากล้องซะ แล้วเปิดชัตเตอร์ที่ 30 วินาทีไว้ ก็ได้เห็นตามภาพ

ผ่านหลังจากงานแรก มาได้ครึ่งปี ศึกษาวิธีการถ่ายให้กระจ่าง ซึ่งพอจับใจความได้ดังนี้ (เป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ครับ)
  1. ทำเล ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ครั้งแรกที่ถ่ายงานย่าโม อยู่ที่ดาดฟ้าตึกสูง 9 ชั้น ถ้าจำผิดขออภัย มุมนี้ ไม่มีใครมายืนบังแน่นอน
  2. ต้องรู้ว่า พลุจะขึ้นมาจากทางไหน อันนี้ก็สำคัญ ปักหลักสุ่มสี่สุ่มห้า พลุยุงด้านหลัง ทำอย่างไร ไม่ได้ภาพสวยๆแน่นอน
  3. ให้ถ่ายได้แต่พลุชุดแรกๆ อ้าว แล้วถ้าชุดหลังสวยกว่าละ ปัญหามันไปอยู่ที่ควันครับ ยิ่งยิงพลุไปเท่าไร ควันมากขึ้นเรื่องๆ ถ้าทำเลที่จั้งอยู่ใต้ลมละเอ้ย จบเห่ครับ
  4. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น สายลั่นชัตเตอร์ แบต เมม (พวกนี้ไม่ต้อบอกน่าจะรู้) ส่วนอย่างอื่นก็มี ข้าวกล่อง น้ำเปล่า ยาทากันยุง เสื่อ หมอน (หลังๆมาแล้วแต่ศรัทธา) ในการไปรอนี่ เราปักทำเลก่อน ได้เปรียบ เพราะ ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ไปถ่าย
  5. อย่าไปคนเดียว ในการถ่ายพลุ หาเพื่อนไปด้วยครับ ทรัพย์สินอันมีค่าของคุณจะได้มีคนช่วยดูแล 
  6. มาถึงการปรับแต่งกล้องก่อนถ่ายกัน
    • ถ่ายไฟล์ RAW ครับ ถึงชื่อจะบอกว่ารอ แต่ก็คุ้มกว่าแน่นอนในภายหลัง
    • ตั้งมุม ตั้งกล้อง เช็คระบบต่างๆไว้รอได้เลย
    • W/B หรือค่าสมดุลแสงขาว ตามที่ศึกษามาอย่างดี Daylove เอ้ย Day Light ดีที่สุดครับ สีจะตรง
    • ค่า f หรือค่ารูรับแสง อันนี้อาจจะขัดกับคอมมอนต์เซนต์นิดหน่อย ให้ใช้ตัวเลขประมาณ 8-11 ครับ เพราะเราจะได้ภาพพลุที่คม อย่าไปเปิด 1.4 ถ่ายนะครับ อาจจะได้อะไรเบลอๆ สว่างๆมาแทนพลุเป็นแน่
    • iso แล้วแต่สภาพแสงโดยรอบครับ รองถ่ายดูซักรูปละ 5-10 วินาทีดู ว่าเป็นอย่างไร
    • speed shutter อันนี้ เราใช้โหมดชัตเตอร์ B ครับ ส่วนมากก็แล้วแต่ความพอใจในรูป ไม่นานมากครับ เพราะพลุจะไปซ้อนกันแล้วไม่สวย
    • ส่วนกล้องที่ไม่สามารถตั้งโหมดชัตเตอร์ B ได้นั้น แถมไม่มีสายลั่น ทางผมขอแนะนำ วิธีที่เคยใช้ หาผ้าสีดำไปด้วย คิดว่าถ่ายพลุประมารนี้ พอได้เวลาที่พอ เราก็เอาผ้าดำคลุมไว้ จนกว่าชัตเตอร์จะดีดคืนครับ
แล้วที่เราเห็น ภาพที่พลุหลายๆดอก เค้าเปิดนานๆหรอ ไม่ใช่แน่นอนครับ การเปิดหน้ากล้องนานๆ มีความเสี่ยงที่ภาพเละสูงมาก เท่าที่รู้มา ใช้วิธีรวมภาพครับ เอามาซ้อนทับกัน

แล้วถามว่า จะเริ่มกดชัตเตอร์ตอนไหน ผมจะกดก็ต่อเมื่อได้ยินเสียง (ส่วนมากพลุก็เสียงดัง) เราจะได้ช่วงขาขึ้นไปด้วย ส่วนจะพอแค่ไหน ก็ตามอัธยาศัยกันไป

แค่นี้เอง ง่ายๆใช่ไหมครับ สำหรับการถ่ายพลุ ไม่ว่าคุณจะใช้กล้องอะไร จะตัวใหญ่ตัวเล็ก ใช้วิธีที่ผมแนะนำไป แค่นี้คุณก็สามารถถ่ายภาพพลุสวยๆกันได้แล้ว

ถ้าอ่านแล้วมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่
https://www.facebook.com/Neungkung



ภาพถ่ายที่ดูสวย ไม่จำเป็นต้องโปรคุณก็ทำได้
iPhotoIndy